Public Speaking ภาษาอังกฤษประจำปีกับงาน Android Bangkok 2018
ปีนี้ไม่มีคำว่า F*uck แล้วนะ

งาน Android Bangkok 2018 ถือว่าเป็นงานประจำปีสำหรับชาว Android Dev ที่เพิ่งจะเริ่มมีขึ้นมาตอนปีที่แล้ว (ในนามของ Droidcon Bangkok 2018) พอพูดแล้วน้ำตาจะไหลที่มีงานแบบนี้ในประเทศไทย เพราะงานนี้เป็นงานอินเตอร์ที่มีแต่ Session ภาษาอังกฤษ!!
ดีใจก็ส่วนนึง แต่ความเครียดก็อีกส่วนหนึ่ง เพราะว่าหนึ่งใน Speaker ของงานนี้ก็คือผมนั่นเอง ถ้าใครยังจำกันได้ในปีที่แล้วก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมเลย
ในตอนนั้นมีเวลาเตรียมตัวแบบกระทันหันแค่ 1 คืน แต่คราวนี้มีเวลานานถึง 2 สัปดาห์เต็มๆ เพราะงั้นปีนี้ก็ควรเตรียมให้มันดีกว่าปีที่แล้วเนอะ
เริ่มจาก…พูดเรื่องอะไรดีล่ะ?
สำหรับงาน Android Bangkok นั้นจะไม่เหมือนกับงานของ GDG (อย่างเช่น I/O Extended หรือ DevFest) ที่ไม่ต้องพูดเรื่อง What’s new … อีกต่อไป ดังนั้นหัวข้อจึงอิสระมาก ก็เลยนัดกับ Jirawatee 🔥 เพื่อคุยกันว่าจะพูดเรื่องอะไรดี
สิ่งที่คิดเหมือนกันก็คือ Session ที่จะพูดควรจะเป็นเนื้อหาที่ “นักพัฒนาเสียเงินมาฟังแล้วต้องได้อะไรกลับไปใช้ได้ทันที” เลยสรุปออกมาในตอนท้ายว่าจะพูดเรื่อง Too Fast, Too Small ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งเอาฮาล้วนๆ (แต่ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Build your app Faster and Smaller then ever ในภายหลัง) โดยผมจะพูดในส่วนของ Faster และพี่ตี๋จะพูดในเรื่อง Smaller
สำหรับ Faster ของผมค่อนข้างลำบากใจในตอนแรกนิดหน่อยว่าจะพูดในบริบทไหนดี เพราะมันค่อนข้างกว้างเหลือเกิน จะพูดเรื่อง App Performance ดีมั้ยนะ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า Faster ที่จะพูดคืออะไรก็ตามที่ทำให้นักพัฒนาใช้เวลาในการพัฒนาแอพให้น้อยลง
ก็เลยใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆเพื่อ Research เรื่องต่างๆที่ควรจะหยิบมาพูด ซึ่งก็ได้เยอะพอสมควรแหละ

หลายๆเรื่องจะเน้นไปที่ Trick บน Android Studio มากกว่า หรือไม่ก็เป็น Library ไปเลย ซึ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยโอเคซักเท่าไร ก็เลยมีหลายๆเรื่องที่ตัดออกไป จนเหลือ 18 เรื่องดังนี้
- Android Studio : 4 เรื่อง
- Project Structure : 2 เรื่อง
- Build & Compile : 5 เรื่อง
- Debug : 4 เรื่อง
- Plugin : 1 เรื่อง
- Library : 1 เรื่อง
- Language : 1 เรื่อง
ซึ่งในแต่ละเรื่องก็จะหยิบเรื่องที่สำคัญๆและน่าจะทำได้มาพูด อย่างเรื่อง Plugin กับ Library ก็จะพูดแค่อย่างละเรื่องพอ ไม่เน้นอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องที่นักพัฒนาส่วนใหญ่หาข้อมูลกันเองได้อยู่ละ ส่วน Language รู้สึกว่าจำเป็นต้องหยิบมาพูดแหละ
เตรียมตัวให้พร้อม
เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์กับการเตรียมตัว ก็จะเป็นขั้นตอนในการเตรียม Presentation และ Script ในการพูดเป็นหลัก ข้างๆห้องก็คงจะรำคาญน่าดู เพราะว่าพูดอยู่คนเดียวในห้องตอนเที่ยงคืนถึงตี 4 ทุกวัน

ที่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาก็คงจะเป็นเรื่อง Grammar ที่ถูกบ้างผิดบ้างและสำเนียงที่ตัวเองรู้สึกว่ายังไม่ค่อยประทับใจซักเท่าไร ก็เลยต้องลงทุนทำ Script ขึ้นมาแบบละเอียด (ต่างจาก Session ภาษาไทยที่ผมสามารถด้นสดได้อย่างง่ายดาย) แล้วฝึกพูดเพื่อดูว่าช่วงไหนควรออกเสียงอย่างไรให้เหมาะสม และ 2 วันก่อนวันงานก็ได้น้องที่ออฟฟิศช่วยดูเรื่องการออกเสียง รวมไปถึงปรับ Grammar บางส่วนด้วย ซึ่งคืนนั้นก็อยู่ที่ออฟฟิศยันเช้า (โชคดีที่ออฟฟิศใหม่มีที่ให้ซุกหัวนอน+มีห้องอาบน้ำให้)
ในขณะเดียวกันก็กังวลเรื่อง Script อยู่พอสมควร ว่ามันจะโอเคมั้ยนะ เตรียมมาซะขนาดนี้ คนในงานจะโอเคมั้ยนะ ถึงแม้จะพยายามฝึกพูดโดยไม่ดู Script ก็เถอะ จนได้คำตอบกลับมาแบบง่ายๆว่า
อย่างกะว่างาน Google I/O เค้าไม่มี Script
บัตรแพงกว่าเน้อีก
แค่คำตอบสั้นๆง่ายๆ แต่ความกังวลก็หายไปในทันที กราบขอบคุณมากๆฮะ
และในวันสุดท้ายก็ได้นัดกับพี่ตี๋มาฝึกพูดด้วยกันที่ออฟฟิศของผม (บอกออฟฟิศไปว่าขอลาช่วงบ่าย แต่ว่าอยู่ออฟฟิศนะ ฮา) ซึ่งเอาเข้าจริงก็มานั่งปรับ Presentation กันพักใหญ่แหละ ได้ฝึกพูดกันจริงๆแค่รอบเดียวตอนเย็น

ปัญหาหลักของผมก็คือใช้เวลาพูดน้อยเกินไปทั้งๆที่จริงแล้วควรจะใช้เวลาคนละ 20 นาที (ลองทดสอบดูก็พบว่าพูดไปแค่ 12 นาทีเอง) ก็เลยต้องกลับไปปรับ Script และเพิ่มเนื้อหาเข้ามาอีกหน่อยด้วยเวลาที่เหลืออยู่แค่ 1 คืน
ในคืนนั้นก็จัดไปฮะ ฝึกพูดวนไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ ซึ่งวิธีที่ผมใช้ฝึกก็คือเริ่มจากพูดตั้งแต่ Slide แรกสุดก่อน จากนั้นก็พูดซ้ำแล้วเพิ่ม Slide ถัดไปเข้าไปอีกเรื่อยๆ (พูด Slide 1 > พูด Slide 1 และ 2 > พูด Slide 1, 2 และ 3) ถ้าอันไหนไม่โอเคก็ให้วนใหม่ตั้งแต่แรกทั้งหมด เพราะว่าจะได้ไม่โฟกัสอันล่าสุดเกินไปจนลืมอันแรกๆ (ถึงแม้ว่า Slide หลังๆจะได้ฝึกน้อยกว่า) ระหว่างนั้นก็จับเวลาไปด้วยเพื่อดูว่าช่วงไหนที่พูดเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปก็จะได้ปรับไปในตัว
ฝึกจนถึงตี 5 ก็รู้สึกว่าสามารถพูดได้จนจบโดยไม่ต้องพึ่ง Script แล้ว ที่เหลือก็คือพักผ่อนเพื่อให้ตัวเองพร้อมในวันงาน (ก็คือตอนเช้าของวันนั้นอ่ะแหละ) แต่เพื่อไม่ให้ตื่นสายก็เลยไปเคาะห้อง Hatsanai Decha (อยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกัน) เพื่อขอนอนด้วยและฝากปลุกตอนเช้าที เพราะว่าน้องแกจะตื่นเช้าเพื่อไปงานคอนฯของ BNK48 เช่นกัน (หลายๆคนที่ไม่ได้มางาน Android Bangkok ก็เพราะชนกับงานคอนฯเนี่ยแหละ)
และวันงานก็มาถึง
กราบขอบคุณ Hatsanai Decha ที่สามารถปลุกให้ผมตื่นและมาถึงงานในเวลาที่ไม่เร็วเกินหรือช้าเกินไป ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่ผมพยายามผ่อนคลายสมอง หยุดนึกถึงเรื่องซ้อมพูดแล้วปล่อยให้สถานการณ์ในงานมันพาไปก่อน
แต่ถึงกระนั้นก็ตื่นเต้นอยู่ดีแหละ ยิ่งเป็นช่วงที่จะใกล้ขึ้นพูดแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นไปกันใหญ่ ถึงแม้ผมจะเคยผ่านมาหลายเวทีแล้วก็เถอะ แต่นี่มันเป็นเวทีครั้งที่ 3 ของผมที่เป็นภาษาอังกฤษนี่นา และครั้งนี้ก็เตรียมตัวมาพอสมควรแล้วด้วย ก็ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่ มากกว่าครั้งแรกในปีที่แล้วซะอีก
จากนั้นช่วงเวลาก็มาถึง ช่วงเวลาที่จะแสดงให้เห็นว่าการเตรียมตัวของผมนั้นถูกต้องและโอเคหรือป่าว

ติดแค่อย่างเดียวคือเวทีรอบนี้ไม่มีจอข้างหน้าเวทีให้ บางทีก็ลืมว่าเรื่องถัดไปคืออะไร ต้องหันหลังไปมองแล้วเสียจังหวะชะมัด
หลังจากพูดในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว ก็สลับไปเป็นส่วนของพี่ตี๋ที่เราต้องส่งต่อให้ (พี่แกขอมาว่าตอนเดินสวนกันต้องแท็กมือกันด้วยนะ) ระหว่างนั้นก็เช็คดูว่าตัวเองใช้เวลาไปเท่าไร (ไม่ได้จับเวลาไว้ เลยต้องเช็คจากเวลาโพสภาพบน Facebook ที่เพื่อนถ่ายไว้ตอนเริ่ม Session นี้)
หลังจากผ่าน Session ของตัวเองไปได้ก็สบายใจละ จะเข้าไปนั่งฟัง Session คนอื่นหรือทักทายพูดคุยกับคนอื่นๆภายในงาน และรอ After Party หลังงานจบก็ได้หมดอ่ะ ไม่มีอะไรให้เครียดแล้ว ฮา แต่ในขณะเดียวกันก็แอบถาม Feedback จากเพื่อนๆคนอื่นด้วยเช่นกันว่าตัวเองควรปรับปรุงเรื่องอะไร
สรุป
อาจจะดูเหมือนว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่สำหรับตัวผมก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ค่อยแฮปปี้อยู่เหมือนกัน รู้สึกว่าอยากจะให้มันออกมาดีกว่านี้
- พูดไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
- Grammar บางส่วนยังไม่ถูกต้อง
- ลืมพูดเนื้อหาบางส่วนไป (บ้าจริง พลาดได้ไงวะ)
- ใช้เวลาพูดน้อยเกิน (พูดไป 16–17 นาที ทั้งๆที่จริงควรใช้เวลา 20–25 นาที)
- ไม่มีช่วงฮาเลย
อาจจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาประมาณไหน ก็เลยรู้สึกว่ายังไม่พอใจและอยากจะให้มันออกมาโอเคกว่านี้อยู่ตลอดเวลา ก็ขอโทษในความผิดพลาดบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ในครั้งหน้าจะทำให้มันดีกว่านี้ แล้วจะเขียนสรุปให้ได้อ่านกันเรื่อยๆครับ
ส่วน Presentation ในงานวันนั้นสามารถเข้าไปดูย้อนหลังกันได้ที่