เฮ้ย! ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไงเนี่ย จุดที่มันไกลมากๆจากที่เคยเป็นอยู่
--
เมื่อหลายปีก่อนในสมัยที่เรียนอยู่ ผมเคยถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในวันนั้น เป็นแบบที่ตัวเองเคยคิดไว้หรือป่าว? เราโอเคกับมันมั้ย? ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดซักเท่าไร แต่ผมก็โอเคกับมันนะ
อ่ะ ขอเกริ่นก่อน ในตอนนั้นผมเรียน ป.ตรี คณะวิทยาศาสตร์ ภาคฟิสิกส์ประยุกต์ ชอบเขียนโปรแกรมบนบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่เป็นหนึ่งในเอกของภาคนั้น ในตอนนั้นผมคิดว่าเป็นทางที่ผมชอบและคิดว่าใช่แน่ๆ (ถึงแม้จะไม่ได้เรียนสาขาที่อยากเรียนจริงๆก็ตาม) จนถึงตอนที่ไปฝึกงานกับบริษัทที่รุ่นพี่แนะนำมา เพราะเค้าบอกว่าผมเหมาะกับที่นี่มากๆ
ในระหว่างนั้นก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ผมได้ลองอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ผสมปนเปไปเรื่อย จนกระทั่งจบมาแล้วก็ทำงานกับที่เดิมที่เคยฝึกงาน ผมเลือกที่จะทำงานเกี่ยวกับบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ผมชอบนี่แหละ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าผมเล่นเกมน้อยลงจนไม่ค่อยได้เล่นซักเท่าไร เพราะเอาเวลาไปศึกษาอย่างอื่นที่สนใจเพิ่มเติมซะมากกว่า ซึ่งหลักๆก็คือหัดเขียนแอปพลิเคชันแอนดรอยด์บวกกับเขียนบล็อกเพื่อแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับแอนดรอยด์ เพราะงานที่ทำอยู่ก็มีส่วนมากที่เกี่ยวข้องกับแอนดรอยด์
จนอยู่มาวันหนึ่งผมก็กลายเป็นที่รู้จักของนักพัฒนาแอนดรอยด์หลายๆคน เพียงเพราะบล็อกที่ผมเขียนอยู่เรื่อยๆ เริ่มรู้จักกับ Google Developer Group (GDG) รู้จักคนอื่นๆอีกมากมาย และกลายเป็น Speaker เกี่ยวกับการพัฒนาแอปพลิเคชันแอนดรอยด์
ได้รู้จักกับคนในวงการมือถืออีกหลายๆคน เพราะเคยซื้อแอนดรอยด์เครื่องใหม่มา เลยลองรีวิวลง Droidsans เพียงแค่อยากแชร์ประสบการณ์ แล้วมีคนชอบซะงั้น แล้วผมก็ดันชอบไปเดินงานมือถือเป็นประจำอยู่แล้ว บวกกับมีน้องที่สนิทกันที่รู้จักกันเพราะมาปรึกษาเกี่ยวกับการเขียนแอปพลิเคชันแอนดรอยด์สมัยเรียนอยู่ที่ตอนนั้นทำงานอยู่ในวงการมือถือแล้ว ได้เชียร์ให้ผมไปแข่งเกม Asphalt 8 ภายในงาน ที่ทีมงาน Droidsans จัดอยู่พอดี ก็เลยทำให้ผมได้รู้จักกับพวกเค้าและอีกพักใหญ่ก็ได้มาเป็น Contributor ให้กับ Droidsans ซะงั้น
…เป็นเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อเนอะ…เอาเถอะ อะไรก็เกิดขึ้นได้
แต่ยังไม่จบนะ…
อยู่มาวันหนึ่ง นึกยังไงก็ไม่รู้ลาออกจากที่ทำงาน เพื่อมาลองสัมผัสประสบการณ์นักพัฒนาแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ที่ตัวเองเคยทำเป็นงานอดิเรก (แต่ก็ยังคงเล่นบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์อยู่) ได้มาเข้าร่วมกับทีมๆหนึ่ง (จะเรียกบริษัทก็ได้ แต่เรียกทีมดีกว่า) ที่พึ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นที่นี่ (ไม่ได้ยื่นสมัครที่อื่นเลย) ทั้งๆที่รู้จักด้วยการคุยเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง (ก็ยังงงๆตัวเองอยู่)
เริ่มได้รู้จักกับคนของ Google หลายๆคน (ด้วยแรงสนับสนุนจาก GDG) งาน Google I/O ที่เคยวาดฝันไว้ว่าอีกซักสองสามปีจะต้องไปให้ได้ ปรากฏว่าได้ไปปีนั้นซะงั้น เพราะการสนับสนุนจากคนของ Google และเรื่องการเดินทางจาก Droidsans + GDG จึงกลายเป็นว่าได้เจอประสบการณ์อะไรอีกมากมายจากครั้งนั้น ได้ออกเดินทางแบบที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน ได้เจอกับพี่ๆคนไทยที่ (เคยและยัง) ทำงานอยู่ที่ Google/Twitter/Facebook และอีกนับไม่ถ้วนที่ได้เจอ ต่อมาก็ได้กลายเป็น Android Google Developer Expert ต่อจาก NuuNeoi
และกลับมา ณ ปัจจุบันนี้ทีมที่ผมทำอยู่กำลังเติบโตขึ้นมาก มากกว่าตอนที่ผมได้เข้ามาร่วมทีมใหม่ๆ ตอนนี้มันเติบโตทั้งสมาชิกในทีมและงานที่ทำ (และประสบการณ์ของผมก็เช่นกัน)
…เมื่อมาถึง ณ จุดนี้แล้ว ผมได้ลองมองย้อนกลับไปในจุดที่สมัยผมยังเรียนอยู่…
“นี่ผมมาไกลมากๆเลยนะ!! ไกลมากๆสำหรับเด็กฟิสิกส์ประยุกต์ในอดีตที่มากลายเป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ในตอนนี้” จนผมไม่อาจจะบอกกับรุ่นน้องได้ว่า ผมเรียนฟิสิกส์ประยุกต์จบมาแล้วทำงานอะไร
เส้นทางการเดินทางของผมมันไกลเหลือเกิน มีทั้งเรื่องดีๆและเรื่องร้ายๆปะปนเข้ามาในเส้นทาง (ที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง) แต่ผมก็เลือกที่จะเดินไปตามทางที่ผมชอบ ไม่เคยเสียใจกับเส้นทางในอดีตเลย เพราะผมเชื่อว่ายังไงมันก็ทำออกมาได้ดีกว่าเส้นทางที่ไม่ชอบแน่ๆ
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครบ้างหรือป่าวนะ
แต่มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวผมเองนี่แหละ เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวผมเองที่ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าว่าผมจะยังไปได้ไกลอีกแค่ไหน
และในซักวันหนึ่ง ผมจะกลับมามองที่จุดนี้ๆอีกครั้ง จุดที่ผมได้เริ่มต้นต่อไปจากวันนี้ไปจนถึงวันนั้น ผมอยากจะรู้ว่าตัวเองจะ “ยังคงเดินทางไปไกลมากๆจากที่เคยเป็นอยู่ในตอนนี้ เหมือนในวันนี้ที่เดินทางมาไกลมากๆจากอดีต” หรือป่าว
ถ้าถามกับตัวเองในตอนนี้อีกครั้งว่าชีวิตเป็นแบบที่คิดไว้หรือป่าว ก็คงไม่ใช่แบบที่คิดไว้นะ แต่ถ้าถามว่าโอเคมั้ย บอกเลยว่า “โอเคมากกกกกกกกกกกก”
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านครับ ;)
Originally published at storylog.co.